บิลโบ้ที่เห็นใจชาวเมืองริมทะเลสาปและน้อยใจธอร์รินที่ไม่แบ่งส่วนสมบัติอะไรให้เลย ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ช่วยสำคัญ เขาตัดสินใจสวมแหวนและหยิบหินอาร์เคนติดตัว เขาเข้าไปในค่ายของชาวเมือง ตรงไปพบบาร์ดและทรานดุลย์ ราชาเอลฟ์ป่า เขามอบหินอาร์เคนให้ทั้งสอง พร้อมบอกว่ามันเป็นสมบัติที่ธอร์รินต้องการมากที่สุด บาร์ดและทรานดุยล์ตกใจและแปลกใจกับการกระทำของบิลโบ้ บิลโบ้อธิบายว่าตนไม่ต้องการให้เกิดสงครามและเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถึงตอนนี้แกนดัลฟ์ก็โผล่มาชื่นชมบิลโบ้
บิลโบ้แอบกลับเข้าถ้ำ รอให้บาร์ดกับทรานดุลย์ยกพลมาใหม่ พวกเขามาถึงและเสนอหินอาร์เคนให้ธอร์รินทันที พอธอร์รินรู้ว่าบิลโบ้ขโมยไปให้พวกนั้นก็จะเข้าไปทำร้าย แต่แกนดัลฟ์ห้ามไว้ ธอร์รินจำใจรับปากว่าจะแบ่งสมบัติให้เพื่อขอแลกหินอาร์เคนคือ บาร์ดกับทรานดุยล์จึงยอมถอยทัพ
ธอร์รินที่ยังหวงสมบัติแอบเรียกเดน พรรคพวกคนแคระที่มีกำลังพลมากให้มาช่วยสู้และขโมยหินอาร์เคนกลับจะได้ไม่ต้องแลกสมบัติ พอบาร์ดและราชาเอลฟ์ป่ารู้ว่าธอร์รินระดมทัพใหญ่ก็เตรียมตัวสู้
แต่พอถึงเวลารบแกนดัลฟ์รับรู้ว่ามีทัพที่ชั่วร้ายอีกสองทัพตรงเข้ามา เป็นทัพของพวกกอบลินและหมาป่า และแล้วสงครามห้าทัพระหว่างคนแคระ ชาวเมือง เอลฟ์ป่า กอบลิน และหมาป่าก็เริ่มต้นขึ้น
เอลฟ์ป่าบุกกอบลินก่อน ทัพของคนแคระเดนและชาวเมืองร่วมกันบุกสมทบ หมาป่าและค้างคาวช่วยกอบลิน พวกเหยี่ยวบินมาช่วยพวกแกนดัลฟ์ สู้กันท้ังวันยังสูสี จนกระทั้งหมีบียอนปรากฏร่างยักษ์ขึ้น ฉีกกอบลินแต่ละตัวเป็นว่าเล่น ศึกห้าทัพถึงได้จบลง
มีคนเสียชีวิตหลายคน บิลโบ้คืนดีกับธอร์รินก่อนที่ธอร์รินจะเสียชีวิต ราชาเอลฟ์ป่าคืนดาปของเธอร์รินไว้บนหลุมศพ เดนขึ้นเป็นหัวหน้าคนแคระและจัดแจงแบ่งสมบัติอันมหาศาลอย่างยุติธรรม แม้แต่คนที่เสียชีวิตก็ได้ส่วนแบ่งตามสัญญา อย่างพวกชาวเมือง เขามอบมรกตแห่งกีรีออนแก่ราชาเอลฟ์ป่า บิลโบ้ได้หีบสองหีบ อันหนึ่งบรรจุเงิน อันหนึ่งบรรจุทอง ทุกคนกล่าวลากันด้วยดีและออกเดินทางกลับ
แกนดัลฟ์กับบิลโบ้แวะที่ริเวนเดลเพื่อเล่าเรื่องให้เอลรอนด์ฟัง บิลโบ้จึงได้ทราบว่าที่แกนดัลฟ์หายไปเพราะต้องไปประชุมร่วมพ่อมดขาวเพื่อไล่ผีป่าออกจากป่าเมิร์ควูด บิลโบ้พักฟังเพลงเอลฟ์อยู่เจ็ดวันจึงออกเดินทางกลับ เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาสองปี บิลโบ้แทบจะไม่ได้เล่าเรื่องแหวนวิเศษให้ใครฟัง นอกจากหลานรัก และก็ใช้เวลาเขียนบันทึกเหตุการณ์การผจญภัยครั้งนี้ ฮอบบิทคนอื่นๆ ไม่ค่อยเคารพบิลโบ้แล้วเพราะทำอะไรผิดแปลก แต่บิลโบ้ไม่สนใจ และเพลิดเพลินกับการสนทนากับพ่อมด เอลฟ์ และคนแคระที่มักแวะมาเยี่ยมเขาที่รูบ้านอันอบอุ่นอยู่เรื่อยๆ
แม้ว่าโทลเคียนจะเขียนเรื่องให้เป็นแฟนตาซีเต็มที่ มีทั้งพ่อมด กอบลิน มังกรตามธรรมเนียม แต่สิ่งที่เขาสอดแทรกเข้าไปคือแนวคิดแบบอนุรักษ์ธรรมชาตินิยม ที่เห็นได้จากตัวละครอย่างฮอบบิท เอลฟ์ และบียอนที่ชอบอยู่กลางธรรมชาติ และต้องการปกป้องความสงบเรียบร้อย สิ่งที่เขาทำให้น่าชื่นชมในบิลโบ้ คือความรักในความสงบที่แท้จริง แม้บิลโบ้จะเป็นเพื่อนกับพวกคนแคระ แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับการดื้อแพ่ง ความโลภและความเห็นแก่ตัวของธอร์ริน ถึงได้ทรยศเขาไปหาชาวเมืองและเอลฟ์ที่อาจช่วยหยุดการกระทำที่รุนแรงของคนแคระได้ สงครามในเรื่องเกิดขึ้นเพราะความโลภ เพราะธอร์รินไม่มีความเมตตาให้คนที่เดือดร้อน แม้จะประณีประนอมได้แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญกับพวกกอบลินและหมาป่าที่ยอมใคร จนธอร์รินตายและเดนที่ใจกว้างกว่าขึ้นมาแทน ทุกคนจึงได้แบ่งปันสมบัติกลับบ้านไป บิลโบ้ถูกชะตากับพวกเอลฟ์ที่สุดในบรรดาชนเผ่าต่างๆ เพราะความรักสงบและรักธรรมชาติ ในตอนจบพอกลับบ้านแล้ว ฮอบบิทคนอื่นๆ ไม่ยอมรับในนิสัยที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการผ่านประสบการณ์ต่างๆ นาๆ ของบิลโบ้ แต่บิลโบ้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการถูกปลีกตัวเลย เพราะเขาก็รู้ตัวว่าเขาได้เปลี่ยนไป และไม่สามารถมองโลกในมุมมองของฮอบบิทเดิมๆ ได้แล้ว เขาถึงได้เพลิดเพลินเวลาสนทนากับคนที่มีประสบการณ์กว้างไกลเช่นกัน ก็เหมือนกับคนเราที่แต่ละวัยก็ต้องบรรลุความคิดระดับหนึ่งไม่หยุดนิ่งเพื่อจะเข้าใจโลกให้มากที่สุดนั่นเอง