แฟชั่นในวินเทจสื่อรัก

มาคุยเรื่องสนุกๆ อย่างเรื่องแฟชั่นในหนังสือวินเทจสื่อรัก หนังสือที่สาวๆ ที่รักแฟชั่นเป็นชีวิตพลาดไม่ได้กันดีกว่า

นิยายเรื่องนี้จะพูดถึงดีไซเนอร์หลายคนมาก ทำให้เราได้เกร็ดความรู้เรื่องแฟชั่นสนุกๆ มาเต็มเลย ที่จะพูดถึงบ่อยหน่อยก็เจ้าแม่วิเวียน เวสต์วู้ด ผู้ที่มีหัวใจพังค์ร็อกตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน! เนื่องจากเธอเป็นดีไซเนอร์ดังของอังกฤษ ฟีบี้นางเอกของเราเลยต้องมีเสื้อผ้าสวยๆ ของเธอเต็มร้านวิลเลจ วินเทจอยู่เสมอ ทุกคอลเล็กชั่นของวิเวียนจะต้องมีกลิ่นอายพังค์ ทำใจดูทุกชุดดูเซอร์ๆ เท่ห์ๆ เป็นหลัก

แต่ดีไซเนอร์ที่กลุ่มลูกค้าไฮโซ หรือลูกค้าที่เป็นดาราของฟีบี้มักถามหาและจับจอง คือชุดวินเทจของบาลองเซียก้า ดีไซเนอร์ชาวสเปนที่โด่งดังเรื่องของการใช้รูปทรงเรขาคณิตมาออกแบบเสื้อจนดูลำ้สมัย พีบี้ต้องไปแย่งประมูลชุดราตรีของปี 1960 มาให้ลูกค้าของเธอ

แต่ดีไซเนอร์โปรดของฟีบี้เองเธอมาดามเกรส์ นักตัดเสื้อชาวฝรั่งเศสที่สามารถออกแบบจับจีบชุดราตรีให้ผุ้หญิงธรรมดากลายเป็นเทพธิดาได้ สาวสวยคลาสสิกอย่างฟีบี้เลยตามสะสมชุดของเธอเพื่อความสุขส่วนตัว!

อีฟ แซง ลอรอง นักออกแบบหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่มากความสามารถ หลังจากที่ทำงานในห้องเสื้อของดิออร์จนช่ำชองก็ออกมาเปิดร้านของตน แบบของเขาเป็นสิ่งที่โฉบเฉี่ยวทันสมัยมากสำหรับยุค 1960-70 เขาเป็นดีไซเนอร์คนแรกที่ผลักดันแฟชั่นแจ๊กเก็ตและกางกางให้ผู้หญิง ทำให้สาวเปรี้ยวในยุคนั้นหันมาเป็นสาวกของเขาเป็นแถวๆ

คริสเตียน ดิออร์ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสอีกคนที่โด่งดังในยุค1930-40 และยังคงเก็บความขลังของชื่อแบรนด์ไว้ได้ เขาเปรียบเสมือนอาจารย์ใหญ่ของดีไซเนอร์ชื่อดังมากมายที่ต้องผ่านการฝึกงานจากเขาก่อน เช่นอีฟ แซง ลอรอง ลองแวง และนีน่า ริชชี่ ดิออร์ออกแบบเสื้อผ้าให้ผู้หญิงดูเป็นสุภาพสตรีที่ดูอ่อนหวานแต่งามสง่า ดูอย่างโค้ทของดิออร์ในยุค 40  นี้ แม้จะใหญ่โตกันหนาวได้ แต่ก็ทำให้ผู้ใส่ดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

มียี่ห้อที่เป็นของอังกฤษแท้ๆ และดั้งเดิมก็คือเบอร์เบอรี่ เมื่อแรกทำแต่เสื้อกันฝนตามสภาพภูมิอากาศของประเทศอังกฤษ ตอนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกองทัพอังกฤษก็ใส่โค้ทของเบอร์เบอรี่นี่แหละไปลุยฝนลุยโคลน งานนี้เรียกว่าคุณภาพคับจอจริงๆ เพราะหลังสงครามประชาชนคนธรรมดาก็หันมานิยมโค้ทเบอร์เบอรี่มากขึ้น จนต้องออกแบบเสื้อผ้าให้ถูกใจตลาดที่ใหญ่ขึ้น  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟีบี้จะใส่โค้ทกันฝนของแบรนด์ไหนในวันฝนพรำ

ชาเนล อันนี้คงไม่ต้องแนะนำอะไรเพราะไม่มีแฟชั่นนิสต้าคนไหนที่ไม่รู้จักผลงานของมาดามโคโค่ โคโค่เริ่มต้นด้วยการทำหมวกและก็ผลิตชุดลำลองสำหรับผู้หญิง ซึ่งในสมัย 1910 เป็นสิ่งที่หายากมาก เนื้อผ้าที่เธอใช้เป็นของที่ไม่แพง ทำให้ติดตลาดไปอย่างง่ายดาย ต่อมาสาวเก่งที่ไม่แพ้ผู้ชายอย่างเธอก็ทำเสื้อแจ๊คเก็ตและกางเกงสำหรับผู้หญิงซึ่งก็ติดตลาดอีก เธอกลายเป็นคู่แข่งของอย่างยักษ์ใหญ่ดิออร์ ซึ่งเธอก็สู้ได้อย่างสง่างาม ด้วยการยึดติดกับคติของตนคือความหรูหราและเรียบง่าย ทำให้ชุดราตรีสีดำเรียบๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของรสนิยมที่ดี และก็เป็นสิ่งที่ฟีบี้ต้องมีติดร้านด้วย

ตอนที่ฟีบี้ไปช่วยจัดเสื้อให้มิสซิสเบลล์ เธอเจอเสื้อผ้าใส่ทำงานสวยๆ หลายชุด สมกับที่มิสซิสเบลล์เป็นภรรยาของนักธุรกิจดังที่ต้องไปออกงานกับสามีเป็นประจำ ฟีบี้เจอชุดของเท็ด ลาพิดัสหลายตัว ลาพิดัสเป็นดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่เคยฝึกงานกับดิออร์ แล้วเปิดห้องเสื้อของตัวเองในช่วง 1950 และดังเป็นพลุแตกในช่วง 1960 ลาพิดัสเน้นการออกแบบเสื้อผ้าแบบยูนิเซ็กส์ คือเสื้อและกางเกงที่ใส่แล้วจะเท่ห์ทั้งผู้ชายผู้หญิง เขาเป็นคนแรกที่ผลักดันแฟชั่นมิลิแทรี่ อย่างเสื้อที่มีสายติดกระดุมตรงหัวไหล่ เหล่าดาราและเซเลบช่วง 60 ต่างก็ใส่เสื้อผ้าของเขากันทั้งนั้น แปลว่าตอนสาวๆ มิสซิสเบลล์ต้องเปรี้ยวน่าดูเลย!

อีกแบรนด์ที่มิสซิสเบลล์มีหลายตัวเลยคือชุดของเธีย พอร์เตอร์ ดีไซเนอร์ลูกครึ่งอังกฤษ-อิสราเอล ที่เอากลิ่นอายแบบอาหรับมาใส่ดีไซน์ของเธอ เน้นผ้าพิมพ์ลาย แบบโปร่งๆ เป็นสิ่งที่สาวฮิปปี้ยุค 60-70 ขาดไม่ได้เลย

ดูๆ ไปวินเทจสื่อรักนี่มีแต่ดีไซเนอร์ฝั่งยุโรปนะ แต่ช้าก่อน มีดีไซเนอร์อเมริกันโผล่มาคนนึง! เบ็ทซีย์ จอห์สันนี่เอง เบ็ทซีย์ผู้ร่าเริงออกแบบเสื้อผ้าสีแรงๆ สำหรับเหล่าสาวซ่าก๋ากั๋น อืมม..แต่นึกภาพพีบี้แต่งตัวอย่างนี้ไม่ออกเลยนะ ปรากฏว่าแฟนคลับของเบ็ทซีย์ก็คือเอ็มม่า เพื่อนสาวเปรี้ยวปริ๊ดส์ของฟีบี้นี่เอง

มาดูแบรนด์อิตาลีกันบ้างดีกว่า ตอนที่ฟีบี้พบแดนครั้งแรก แดนถามถึงเสื้อผ้าในร้านแล้วปรากฎว่ามีชุดของปุชชี่อยู่ด้วย ปุชชี่เป็นหนุ่มนักกีฬาชาวอิตาลีที่มีใจรักการดีไซน์ เขาเริ่มต้นด้วยการออกแบบชุดกีฬา ชุดว่ายนำ้ โดยจุดเด่นของเขาคือการเลือกใช้ผ้ายืดและการสั่งทำลายที่มีสีสันสดใส เขาโด่งดังที่สุดช่วงปี 40 และก็เริ่มออกแบบผ้าพันคอ เสื้อ กระโปรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ผ้าของเขานั้นทำให้สาวๆ ที่ใส่ได้อวดหุ่นสวยเซ็กซี่ ทำให้มีดาราเซเลบอุดหนุนเขาจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือมาริลิน มอนโรที่รักชุดของปุชชี่เป็นชีวิตจิตใจ

มาปิดท้ายกันที่คริสเตียน ลาครัวส์ดีไซเนอร์ฝรั่งเศสที่รักศิลปะวัฒนธรรมจนอยากจะทำงานในพิพิธภัณฑ์ งานของลาครัวส์มักจะมีกลิ่นอายย้อนยุคหรือผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น หรูหรา และมีสีสันที่จัดจ้าน พีบี้ไม่เห็นด้วยที่ไมล์ซื้อชุดราตรีของลาครัวส์ในคอลเลกชั่นแก้วกระจกให้ลูกสาววัยรุ่นใส่ เธอว่ามันอลังการเกินเด็กไปหน่อย!

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s